doctorgracec

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Elite Intimate โปรแกรมยกระชับจุดซ่อนเร้น

การใช้คลื่นความถี่วิทยุ หรือ Radiofrequency เป็นหนึ่งในวิธีการกระตุ้นคอลลาเจนบนผิวมนุษย์โดยการสร้างความร้อนที่ผิวให้ถึงจุดที่ทำให้เกิด collagen shrinkage ผลที่ได้ก็คือ ผิวจะมีความตึง ความยืดหยุ่นดีขึ้น ผิวไม่หย่อนคล้อย ถ้าเป็นบริเวณผิวหน้าที่มีช่วงแก้มย้อย หรือเหนียง หลังทำก็จะเห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้น เหนียงน้อยลง สามารถใช้ยกคิ้วและหางตาได้ ถ้าเป็นผิวบริเวณแคมของผู้หญิง จะทำให้ผิวหนังบริเวณแคมตึงขึ้น สีดำคล้ำจะกลายเป็นสีชมพู

Exilis elite เป็นเครื่อง RF(radiofrequency) แบบ monopolar หรือขั้วเดี่ยว ซึ่งจะสามารถส่งผ่านพลังงานความร้อนลงไปในชั้นผิวได้ลึกกว่า RF แบบอื่นๆ จึงจะเห็นผลได้ชัดเจนกว่า อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์ของเครื่อง ที่จะช่วยป้องกันความร้อนที่ผิวไม่ให้สูงเกินไปจนเกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น อาการ burn เหมือน monopolar RF ทั่วๆไป จึงสามารถทำได้อย่างปลอดภัย ผลข้างเคียงต่ำ และไม่เจ็บ ไม่ร้อนเท่าเครื่อง monopolar RF อื่นๆค่ะ

เครื่อง Exilis Elite ยังได้มีงานวิจัยเพื่อตอกย้ำถึงประสิทธิภาพของเครื่อง โดยได้ให้ผู้ทดลองทำการรักษาความหย่อนคล้อยบริเวณ แก้ม และเหนียง โดยทำ exilis elite 2 treatmentและนัดมาติดตามผลที่1และ3เดือน โดยใช้การถ่ายภาพ ทำอัลตร้าซาวด์เพื่อวัดความแน่นตึงของผิว และตัดชิ้นเนื้อไปส่องกล้องดูชั้นคอลลาเจ้นที่ผิว ผลพบว่า จากรูปถ่าย ผู้ทดลองมีผิวหน้ากระชับดีขึ้น 35%  ริ้วรอยลดลง 42%  และหลังทำไป3เดือน 92%ของผู้ทดลองสามารถเห็นผลเรื่องการยกกระชับได้ จากการตรวจความหนาแน่นของผิวด้วยการอัลตร้าซาวนด์ พบว่าดีขึ้นถึง 19% และจากการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยการส่องกล้อง พบว่ามีคอลลาเจ้น และเส้นใยอีลาสตินเพิ่มขึ้นที่ผิวอย่างชัดเจนค่ะ เครื่อง exilis elite จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึง แก้ไขความหย่อนคล้อยได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และยังไม่เจ็บเหมือน Monopolar RF เครื่องอื่นๆด้วยค่ะ

นวัตกรรมดีๆอย่าง Exilis elite ยังถูกผลิตออกมาเพื่อทำให้ผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงตึงกระชับขึ้นได้ด้วยนะคะ ชื่อของมันคือ Elite Intimate โดยใช้เครื่องยกกระชับไปที่แคมของผู้หญิง รวมไปถึงบริเวณปากช่องคลอด ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่มีการสอดเครื่องมือใดๆเข้าไปในช่องคลอด หลังทำเสร็จสามารถเห็นผลได้ทันที ระหว่างทำรู้สึกเพียงแค่อุ่นๆ ไม่มีความเจ็บใดๆ จึงถือว่าเป็นการทำมินิรีแพร์ที่ได้ผล ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟิ้นใดๆเลยค่ะ

วิดีโอการรักษา


ภาพตัวอย่างจากผู้รักษาจริงค่ะ





แนะนำเครื่องยกกระชับ Exilis Elite



การใช้คลื่นความถี่วิทยุ หรือ Radiofrequency เป็นหนึ่งในวิธีการกระตุ้นคอลลาเจนบนผิวมนุษย์โดยการสร้างความร้อนที่ผิวให้ถึงจุดที่ทำให้เกิด collagen shrinkage ผลที่ได้ก็คือ ผิวจะมีความตึง ความยืดหยุ่นดีขึ้น ผิวไม่หย่อนคล้อย ถ้าเป็นบริเวณผิวหน้าที่มีช่วงแก้มย้อย หรือเหนียง หลังทำก็จะเห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้น เหนียงน้อยลง สามารถใช้ยกคิ้วและหางตาได้ ถ้าเป็นผิวบริเวณแคมของผู้หญิง จะทำให้ผิวหนังบริเวณแคมตึงขึ้น สีดำคล้ำจะกลายเป็นสีชมพู

Exilis elite เป็นเครื่อง RF(radiofrequency) แบบ monopolar หรือขั้วเดี่ยว ซึ่งจะสามารถส่งผ่านพลังงานความร้อนลงไปในชั้นผิวได้ลึกกว่า RF แบบอื่นๆ จึงจะเห็นผลได้ชัดเจนกว่า อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์ของเครื่อง ที่จะช่วยป้องกันความร้อนที่ผิวไม่ให้สูงเกินไปจนเกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น อาการ burn เหมือน monopolar RF ทั่วๆไป จึงสามารถทำได้อย่างปลอดภัย ผลข้างเคียงต่ำ และไม่เจ็บ ไม่ร้อนเท่าเครื่อง monopolar RF อื่นๆค่ะ

เครื่อง Exilis Elite ยังได้มีงานวิจัยเพื่อตอกย้ำถึงประสิทธิภาพของเครื่อง โดยได้ให้ผู้ทดลองทำการรักษาความหย่อนคล้อยบริเวณ แก้ม และเหนียง โดยทำ exilis elite 2 treatment และนัดมาติดตามผลที่1และ3เดือน โดยใช้การถ่ายภาพ ทำอัลตร้าซาวด์เพื่อวัดความแน่นตึงของผิว และตัดชิ้นเนื้อไปส่องกล้องดูชั้นคอลลาเจ้นที่ผิว ผลพบว่า จากรูปถ่าย ผู้ทดลองมีผิวหน้ากระชับดีขึ้น 35%  ริ้วรอยลดลง 42%  และหลังทำไป3เดือน 92%ของผู้ทดลองสามารถเห็นผลเรื่องการยกกระชับได้ จากการตรวจความหนาแน่นของผิวด้วยการอัลตร้าซาวนด์ พบว่าดีขึ้นถึง 19% และจากการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยการส่องกล้อง พบว่ามีคอลลาเจ้น และเส้นใยอีลาสตินเพิ่มขึ้นที่ผิวอย่างชัดเจนค่ะ เครื่อง exilis elite จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึง แก้ไขความหย่อนคล้อยได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และยังไม่เจ็บเหมือน Monopolar RF เครื่องอื่นๆด้วยค่ะ

นวัตกรรมดีๆอย่าง Exilis elite ยังถูกผลิตออกมาเพื่อทำให้ผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงตึงกระชับขึ้นได้ด้วยนะคะ ชื่อของมันคือ Elite Intimate โดยใช้เครื่องยกกระชับไปที่แคมของผู้หญิง รวมไปถึงบริเวณปากช่องคลอด ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่มีการสอดเครื่องมือใดๆเข้าไปในช่องคลอด หลังทำเสร็จสามารถเห็นผลได้ทันที ระหว่างทำรู้สึกเพียงแค่อุ่นๆ ไม่มีความเจ็บใดๆ จึงถือว่าเป็นการทำมินิรีแพร์ที่ได้ผล ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟิ้นใดๆเลยค่ะ

        จากงานวิจัยพบว่าผู้ที่ทำ Elite Intimate ไป4 treatment ทุกคนมีจุดซ่อนเร้นที่เต่งตึง กระชับ เข้ารูปมากขึ้น มากกว่า50%ของผู้ทดลองยังบอกอีกว่า มีความพึงพอใจในการทำกิจกรรมทางเพศเพิ่มมากขึ้นในระดับดี และดีเยี่ยมด้วยค่ะ

เครื่อง Exilis elite ยังเป็นเครื่องสลสายไขมันแบบไม่ผ่าตัด หนึ่งในไม่กี่เครื่องที่สามารถทำให้เกิด fat cell apoptosis  หรือสามารถฆ่าเซลล์ไขมันให้ตายได้ โดยเป็นเพียงเครื่องเดียวที่สามารถช่วยยกกระชับได้ด้วย ทำให้ไม่เกิดผิวหนังหย่อนคล้อยหลังทำค่ะ หลักการคือการใช้ความร้อนให้ถึงจุดที่เซลล์ไขมันตาย โดยเครื่องมีระบบ cooling และระบบตรวจจับความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิว burn และยังสามารถนำพาความร้อนไปถึงจุดที่ทำให้เซลล์ไขมันตายได้ค่ะ

        มีงานวิจัยทำ Exilis elite ที่ท้องของหมูทั้งหมด 4 treatment โดยใช้การวัดอุณหภูมิที่ผิวด้านบนของหมู และวัดที่ชั้นไขมันชั้นต่างๆโดยการสอดท่อ และใช้อัลตร้าซาวด์ช่วยดูระดับชั้นที่สอดเทอร์โมมิเตอร์เข้าไป มีการตัดชิ้นเนื้อทั้งก่อนและหลังทำเพื่อมาส่องกล้องดู และยังใช้วิธี TUNEL ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ในการตรวจสอบ cell apoptosis  ว่ามีการฆ่าเซลล์ไขมันได้จริงหรือไม่ ผลพบว่าในแต่ละครั้งที่ทำ จะมีดัชนีการตายของเซลล์ไขมันถึง 40-53.4% และผลการส่องกล้องจากชิ้นเนื้อที่ตัดมา พบว่ามีเซลล์ไขมันตาย โดยพบว่าผนังเซลล์แตก และนิวเคลียสของเซลล์ตายค่ะ Exilis Elite เป็นหนึ่งในไม่กี่เครื่องที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของอเมริกา ว่าช่วยสลายมันได้จริง ช่วยให้ผิวกระชับขึ้น สลายผิวส้ม ผิวเซลลูไลต์ ที่สำคัญปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง และระหว่างทำไม่เจ็บเลยค่ะ




วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เมโสๆ ที่เค้าเรียกกันว่าเมโส ที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่?

หมอขอเล่าย้อนไปนิดนึงนะคะ เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ



เมื่อเรายังเป็นตัวอ่อนในท้องแม่ หรือเอ็มบริโอ(embryo) ร่างกายของเรามีการเจริญของเนื้อเยื่อโดยแบ่งออกเป็น3ชั้น
1.ชั้นเอ็นโดเดิร์ม (endoderm) หรือเนื้อเยื่อชั้นในสุด ซึ่งต่อมาจะเจริญไปเป็นเยื่อบุผิวอวัยวะภายในต่างๆของร่างกาย และรวมถึงกลายเป็นอวัยวะต่างๆด้วย

2.ชั้นเมโซเดิร์ม (mesoderm) คำว่า meso มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกที่แปลว่า ตรงกลาง นั้นก็หมายถึง เนื้อเยื่อส่วนนี้คือเนื้อเยื่อชั้นกลาง ซึ่งจะเจริญไปเป็นผิวหนังชั้นหนังแท้ กล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะหลายๆอย่าง

3.ชั้นเอ็คโตเดิร์ม (ectoderm) หรือเนื้อเยื่อชั้นนอก จะเจริญไปเป็น ผิวหนังชั้นหนังกำพร้า ผม ระบบประสาท และอื่นๆ


คำว่าtherapy แปลว่า การรักษา
เมโสเธอราปี่ หรือเมโซเธอราปี่ (mesotherapy) จึงหมายถึง การรักษาใดๆก็ตามที่ทำในชั้นเมโซเดิร์ม หรือการรักษาใดๆก็แล้วแต่ที่ทำในผิวหนังชั้นหนังแท้ รวมไปถึงชั้นไขมันที่อยู่ติดกับชั้นหนังแท้


เพราะฉะนั้น การฉีดยาสลายไขมันเข้าไปในชั้นไขมัน จึงเรียกว่า เมโสแฟต
การใช้ยาอะไรก็แล้วแต่ จิ้มเข้าไปในชั้นเมโซเดิร์ม หรือชั้นหนังแท้  เพื่อให้หน้าขาวใสขึ้น จึงเรียกว่า เมโสหน้าใส
ถ้าเป็นยารักษาฝ้า ก็อาจเรียกว่าเมโสฝ้า ถ้าเป็นตัวยารกแกะ ก็เรียกว่า เมโสรกแกะ เป็นต้นค่ะ
มาเด้ คอลลาเจ้น ก็เป็นการฉีดเมโสเหมือนกันค่ะ โดยฉีดเข้าที่ชั้นหนังแท้16จุดทั่วหน้า ตามจุดฝังเข็มแบบแพทย์แผนจีนค่ะ

สรุปนะคะ ฉีดอะไรเข้าไปในชั้นเมโซเดิร์ม ก็เรียก เมโส แล้วตามด้วยชื่อสารนั้นได้เลยค่
ข้อควรระวัง ไม่ใช่สารทุกตัวนะคะที่สามารถฉีดได้ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ทุกครั้งค่ะ

เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิง เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร


Dip in dermatology, Cardiff University,UK.
Cosmetic dermatology, Mount Sinai Hospital, USA.



แพทย์ผู้บริหาร Doctor Grace Clinic

โบท็อกซ์ลดปีกจมูก เป็นอย่างไร ?

โบท็อกซ์ลดปีกจมูกทำได้ด้วยเหรอ เห็นผลจริงรึเปล่า

คนไข้ถามเข้ามาเยอะค่ะ วันนี้มาลองดูที่หมอเกรซตอบนะคะ บางคนเมื่ออยู่ในอารมณ์ตึงเครียดทั้งร่างกาย และจิตใจ จะมีการทำปีกจมูกบานออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้านึกภาพไม่ออก ดาราชื่อดังสุดหล่อ ขวัญใจสาวๆ คุณ ณเดชน์ คุกิมิยะ เป็นคนหนึ่งที่มีลักษณะตามที่หมอว่า

นั่นคือเมื่อ คุณณเดชน์ เข้าฉากที่มีการแสดงอารมณ์บีบคั้น จะทำจมูกบานโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาการนี้ก็อาจดูตลกและทำให้บางคนไม่ค่อยชอบนัก แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ค่ะ
 โบท็อกซ์ลดปีกจมูกบาน จะทำแล้วเห็นผลในกลุ่มคนที่มีกล้ามเนื้อบริเวณปีกจมูกทำงานมากเกินไป โดยมีหลักเกณฑ์การเช็คง่ายๆ ก็คือ
ถ้าเราสามารถควบคุมปีกจมูกให้บานเข้าบานออกได้ การฉีดโบท็อกซ์ก็จะเห็นผลค่ะ ในทางตรงกันข้ามถ้าเราไม่สามารถควบคุมปีกจมูกให้บานเข้าบานออกได้การฉีดโบท็อกซ์ก็เสียเงินฟรี ไปผ่าตัดดีกว่าค่ะ เพราะปัญหาปีกจมูกบานอาจไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อ แต่อาจเกิดจากองค์ประกอบอื่น ที่อาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดค่ะ
สาเหตุหนึ่งของปีกจมูกบานเกิดจากการหดตัวซ้ำๆของกล้ามเนื้อบริเวณปีกจมูกโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น เหมือนคนเล่นกล้ามน่ะค่ะ ซึ่งกล้ามเนื้อที่ว่าก็คือ alar nasalis เป็นกล้ามเนื้อเป้าหมาย
ที่เราฉีดโบท็อกส์เข้าไปลดการทำงานของมันค่ะ ผลของโบท็อกซ์จะอยู่ได้ 4-6เดือน เท่าที่หมอฉีดมาแทบไม่มีผลข้างเคียงใดๆเลยยกเว้นความเจ็บระหว่างฉีด



Notes
การฉีดโบท้อกซ์ลดปีกจมูกนั้น ระหว่างฉีดคนไข้จะรู้สึกแสบจมูกคล้ายจะจาม คนไข้หลายคนฉีดเสร็จแล้วก็จามออกมา และมักมีน้ำตาไหลร่วมด้วย
สิ่งเหล่านี้เป็น reflect ปกติของร่างกาย ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ แต่ถ้าคุณหมอฉีดปีกจมูกแล้วคนไข้ไม่มีอาการตามที่ว่ามาเลย แปลว่าคุณหมอฉีดลึกเกินไป และอาจไม่ได้ผลค่ะ

คนไข้ท่านใดมีคำถาม หรืออยากทราบเรื่องอะไรเกี่ยวกับด้านผิวพรรณความงาม สามารถส่งมาถามหมอเกรซได้ทางข้อความในแฟนเพจนะคะ จะทยอยตอบให้ค่ะ


เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิง เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร

Dip in dermatology, Cardiff University,UK.
Cosmetic dermatology, Mount Sinai Hospital, USA.


แพทย์ผู้บริหาร Doctor Grace Clinic

วิธีเลือกคลินิกเสริมความงาม


ทุกวันนี้คลินิกความงามเปิดเยอะมากๆเลยนะคะ เปิดถี่พอๆกับร้านเสริมสวยเลยค่ะ คนไข้หลายท่านจึงมีความสงสัยว่าควรจะเลือกคลินิกความงามที่ไหนดี จึงจะดีและปลอดภัยที่สุด เพราะคลินิกที่เปิดเยอะแยะนั้น ก็มีข่าวเสียๆเยอะมากเช่นกัน วันนี้ลองมาดูหลักเกณฑ์ง่ายๆที่หมอเกรซใช้แนะนำคนไข้ในการเลือกรับบริการคลินิกความงามค่ะ

1.อย่าเลือกที่ราคา
บางคนเลือกที่ที่ราคาถูกที่สุด หมอจะบอกข้อเท็จจริงบางอย่างให้ทราบนะคะ โบทอก ฟิลเลอร์ก็เหมือนกระเป๋าแบรนด์เนมค่ะ คือต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ จึงต้องมีdistributor หรือผู้จัดจำหน่ายในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยรับมาจากบริษัทแม่ที่ต่างประเทศอีกที เพราะฉะนั้นราคาต้นทุนของยาที่คลินิกสั่งจากdistributorในประเทศไทย จึงมีต้นทุนเท่าๆกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อ ยิ่งซื้อมาก ราคาก็ถูกลง แต่ที่จะให้ถูกลงหลายเท่าตัวนั้น เป็นไปไม่ได้ค่ะ! ส่วนใหญ่แล้วราคาจึงไม่ต่างกันมากหรอกค่ะ

ส่วนยาหิ้วก็เหมือนกระเป๋าหิ้วค่ะ แต่อาจแย่กว่า เพราะเกือบ100% ไม่มีของแท้เลย เนื่องจากฟิลเลอร์ โบทอก ไม่เหมือนกระเป๋าแบรนด์เนมที่ใครจะเดินเข้าไปซื้อก็ได้ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาซื้อยาของแท้จากต่างประเทศมาใช้ได้เองค่ะ เพราะฉะนั้นหน้าของเรา เลือกให้ดีๆ ดีกว่าค่ะ เสียโฉมขึ้นมาแบบที่เป็นข่าว มันไม่คุ้มกันเลยค่ะ

ทริกง่ายๆนะคะ โบทอก ฟิลเลอร์ ที่ราคาต่ำมากๆๆ เช่น โบทอกขวด100ยูนิต ถูกกว่า5000 ฟิลเลอร์ 1ccถูกกว่า5,000 ของแท้แทบเป็นไปไม่ได้ค่ะ

แต่เชื่อมั้ยคะ ว่าของแพงไปก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป มีคนไข้ท่านนึงเล่าให้ฟังว่า ได้ไปเจอเซลล์คลินิกนึงขายคอรสราคาแพงกว่าของหมอมากๆ เรียกว่าหลายเท่าตัวทั้งที่ใช้ยาตัวเดียวกัน เซลล์แจ้งว่าหมอของเค้าเป็นคนดัง มีแต่ดาราเซเลปมาทำ ราคาจึงแพง  คนไข้จึงถามว่าคุณหมอเจ้าของคลินิกจะมาฉีดให้เหรอคะ คำตอบคือ ไม่ค่ะ คุณหมอเจ้าของจะดูแลเคสเฉพาะvip จะเป็นคุณหมอท่านอื่นดูแลให้ เซลบอกว่า แต่ยาที่ใช้เนี่ยดีกว่าที่อื่นนะคะ สอบถามไปมาปรากฎว่าเป็นยี่ห้อเดียวกัน สุดท้ายคนไข้ไม่ได้ซื้อคอรส เนื่องจากราคาแพงกว่าหลายเท่าตัว จึงโดนเซลล์เหน็บมาว่า ทำไมคะ ราคามันสูงไปเหรอคะ จ่ายไม่ไหวเหรอคะ คนไข้หน้าชาและโกรธมากกก

อย่างที่หมอแจ้งค่ะว่า ราคาแพงกว่าก็ไม่ได้เป็นเครื่องหมายว่ายาดีกว่านะคะ เพราะยาก็สั่งมาจากบริษัทเดียวกัน ที่แพงกว่าน่าจะเป็นค่าฝีมือและชื่อเสียง ถ้าไม่ได้ทำกับคุณหมอที่เชื่อมั่น แล้วเราจะจ่ายแพงกว่าทำไมถูกต้องมั้ยคะ

ไหนๆก็ไหนๆ ขอเล่าอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คนไข้เล่ามาอีกที
คนไข้ท่านหนึ่งต้องการทำศัลยกรรมอย่างนึงกับคุณหมอชื่อดัง นัดวันเวลา แจ้งว่าต้องการทำกับคุณหมอท่านนี้ เซลแจ้งว่ามีทำ2แบบ แบบที่2จะราคาสูงกว่า ราคาเกือบแสนเลยทีเดียว คนไข้ตกลงทำแบบที่2 ปรากฎว่าวันที่ไปทำ ไม่ใช่คุณหมอชื่อดังตามที่ตกลงกันไว้เป็นคนทำให้ แต่เป็นคุณหมอท่านอื่น และผลการผ่าตัดยังไม่เป็นไปตามแบบที่เลือกไว้คือแบบที่2ที่ราคาแพงกว่าอีกด้วย อีกทั้งแผลผ่าตัดคนไข้ยังมีอาการอักเสบบวมแดงอีก คนไข้แจ้งว่าส่งรูปไปถามเซลล์ เซลล์ว่าปกติ? แถมหมอที่ดูแผลก็ยังไม่ใช่หมอชื่อดังท่านนั้น แต่เป็นหมออีกท่านที่ทำผ่าตัดให้ สรุปคนไข้ไม่ได้เจอกับหมอชื่อดังที่ตนเองตั้งใจมาหาตั้งแต่แรกเลย เอวัง

2.หลีกเลี่ยงคลินิกที่รับฉีดยาหิ้ว อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่ายาหิ้วนั้นโอกาสที่จะเป็นของแท้แทบเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งยังถือเป็นของผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้น คลินิกใดก็ตามที่รับฉีดยาหิ้ว คลินิกนั้นก็ทำผิดกฎหมายค่ะ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่า ขนาดยาที่คนไข้ไปซื้อในอินเตอร์เน็ต เดินหิ้วมาให้ฉีด ยังกล้าฉีด ไม่กลัวคนไข้เป็นอันตราย แล้วยาที่ใช้ในคลินิกล่ะ จะเหลือเหรอคะ?

3.ถ้าเลือกได้ เลือกคลินิกที่คุณหมอเป็นเจ้าของ และออกตรวจเองด้วยจะดีกว่าค่ะ เหตุผลข้อแรก เพราะไม่ใช่หมอเวียน คนไข้สามารถมั่นใจได้ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณหมอที่ทำให้ยังคงอยู่รับผิดชอบที่คลินิกแน่นอน และข้อที่สอง โดยทั่วไปแล้ว การทำงานของเจ้าของกิจการกับลูกจ้าง ย่อมมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของความตั้งใจ และความยืดหยุ่นต่างๆให้คนไข้ จึงแนะนำว่าถ้าเลือกได้ เลือกคลินิกที่เจ้าของเป็นแพทย์ที่ออกตรวจด้วยจะทำห้มีความมั่นใจได้มากกว่าค่ะ

4.เช็คชื่อและหน้าหมอที่ติดอยู่ที่คลินิกว่าตรงกับเวปแพทยสภา 
http://www.tmc.or.th/check_md/
มีคนไข้เล่าว่า บางคลินิกไม่ยอมแจ้งชื่อจริงแพทย์ผู้ทำหัตถการ แจ้งแต่ชื่อเล่น ไม่ยอมบอกชื่อจริง ซึ่งถือว่ามีพิรุธเป็นอย่างมากนะคะ

โดยปกติแล้ว ที่คลินิกจะต้องมี รูป ชื่อ นามสกุล และเลขที่ใบประกอบโรคศิลป์ แปะอยู่ที่ผนังตามกฎหมาย คนไข้สามารถขอดู และจดไปเสิรชที่เวปแพทยสภาตามลิ้งค์ด้านบนได้เลยค่ะ ชื่อ นามสกุล รูป ทุกอย่างควรตรงกัน จึงจะมั่นใจได้ว่าเป็นแพทย์จริงๆนะคะ

5.หน้าคลินิกต้องติดเลขที่ใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข แปลว่าผ่านการตรวจสอบและรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขแล้วค่ะ

6.สอบถามและตรวจเชคยี่ห้อยาที่ฉีดก่อนทุกครั้งว่า สามารถเอาชื่อผลิตภัณฑ์ไปเชคได้ในเวปอยได้ว่าเป็นยาที่ผ่านอยรึยังค่ะ ตามลิ้งค์
http://fdaolap.fda.moph.go.th/logistics/drgdrug/Dserch.asp
เพราะเท่าที่ทราบ มีบางที่แอบอ้างว่ายาที่ตัวเองใช้นั้นผ่านอยแล้ว ทั้งที่จริงๆยังไม่ผ่านนะคะ

และเมื่อเข้าไปฉีด คนไข้สามารถสอบถามยี่ห้อยา และวิธีดูว่ายาเป็นของแท้กับคุณหมอเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ถ้าคลินิกไหนไม่บอกยี่ห้อยา ไม่ให้ดูขวดยา หรืออธิบายการดูของแท้อย่างละเอียดไม่ได้ ให้ระวังของปลอมค่ะ

7.สุดท้ายนี้ก็คือ อย่าเชื่อรีวิวมากนัก ดารา เซเลป เน็ตไอดอลบางคน ก็ไม่ได้ทำที่นั่นจริงๆค่ะ แต่รับจ้างมา เหมือนที่รับจ้างโพสสินค้าในigนั่นละค่ะ จึงควรเสพสื่ออย่างมีสตินะคะ ด้วยความหวังดีค่า


 เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิง เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร

Dip in dermatology, Cardiff University,UK.
Cosmetic dermatology, Mount Sinai Hospital, USA.



แพทย์ผู้บริหาร Doctor Grace Clinic

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เตือนภัย เกือบเสียโฉมเพราะหมอกระเป๋า



เมื่อไม่นานมานี้ หมอมีคนไข้ท่านนึงมาปรึกษา เนื่องจากไปฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับหมอกระเป๋ามา ได้ยินแค่นี้หมอส่วนใหญ่ที่พอจะทราบผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใต้ตา น่าจะรู้สึกหนาวๆร้อนๆ เสียวแทนคนไข้เป็นอย่างมาก
คนไข้แจ้งว่า มีเพื่อนแนะนำหมอ?กระเป๋าคนนี้มาอีกที หลังฉีดเสร็จคนไข้เห็นทันทีเลยว่ามีใต้ตาเห็นก้อนๆ ไม่เรียบ แต่หมอกระเป๋าแย้งว่าเดี๋ยวซักพักจะดีขึ้นเอง คนไข้จึงเชื่อตามนั้น
เวลาผ่านมาพักนึง ใต้ตาคนไข้ก็ยังเห็นเป็นก้อนอยู่ คนไข้เกิดความกังวลเป็นอย่างมาก พยายามโทรหาหมอกระเป๋าคนนั้น ก็รับสายบ้างไม่รับบ้าง และเนื่องจากเค้าไม่ได้มีคลินิกเป็นหลักแหล่ง จึงทำให้ยิ่งตามตัวได้ยาก
ต่อมาหมอกระเป๋านัดคนไข้ไปฉีดสลาย หลังฉีดพบว่าดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังเป็นก้อนสีขาวๆเห็นได้ชัดอยู่ดี หลังจากนั้นหมอกระเป๋าไม่ยอมรับสายเธออีกเลย คนไข้เครียดมากจึงหาข้อมูล และตัดสินใจมาปรึกษากับหมอเกรซค่ะ

หลังจากหมอประเมินดูแล้วจึงทำการรักษให้โดยทำให้ผิวใต้ตาดูเสมอกันมากที่สุด และได้พยายามฉีดสลายของเก่า ผลลัพท์เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ใต้ตาดูเรียบเนียนเป็นปกติขึ้นเยอะ โดยใช้เวลาแก้ไขไม่นาน ไม่ต้องขูด ไม่ต้องผ่า ไม่ต้องพักฟื้น คนไข้แอบบอกหมอว่า ราคาฟิลเลอร์ที่ไปฉีดกับหมอกระเป๋านั้น แพงกว่าที่มาฉีดกับหมอเกรซซะอีก (omg!)
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นบริเวณที่ต้องอาศัยความชำนาญในการฉีดนะคะ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ผิวค่อนข้างบาง ถ้าหากฉีดไม่ดี ก็จะเห็นเป็นก้อนได้ง่ายมากๆ ปกติหมอจึงจะใช้เวลาในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานานกว่าบริเวณอื่นๆค่ะ เพื่อให้ค่อยๆปล่อยฟิลเลอร์เข้าไปทีละนิดๆ ผิวจะได้เรียบเนียนสม่ำเสมอ และไม่เป็นก้อน อีกทั้งยังควรเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลเหมาะสมสำหรับฉีดใต้ตา ซึ่งก็คือควรมีความนิ่มสูง จะได้ไม่เห็นเป็นก้อนๆ
ที่สำคัญที่สุดที่บรรดาหมอจริงๆเค้ากลัวกันก็คือ กลัวฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือตาบอดได้ จึงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆๆๆๆๆที่หมอกระเป๋าฉีดฟิลเลอร์ให้คนไข้ วิธีหลีกเลี่ยงการที่ฟิลเลอร์จะเข้าสู่เส้นเลือดวิธีหนึ่งก็คือ หมอจะใช้เข็มปลายทู่(blunt canula) ซึ่งจะลดความเสี่ยงในการแทงเขาเส้นเลือด ทำให้มีความปลอดภัยมากกว่าการใช้เข็มแหลมตามปกติค่ะ ที่สำคัญคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บเลยด้วยค่ะ

ฝากข้อคิดไว้นิดนึงนะคะ จริงๆแล้วฟิลเลอร์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ตัวหมอเองก็ฉีดหน้าตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่ได้อันตรายถึงขนาดนั้น เพียงแต่ทุกคนควรคำนึงถึง3สิ่งต่อไปนี้ก่อนฉีดค่ะ (ปกติหมอจะบอกคนไข้ทุกคนที่กังวลกับการฉีดฟิลเลอร์) 

1.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ผ่านอย. 
2.ฉีดโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง รู้อนาโตมี่ (anatomy) 
3. แพทย์สามารถฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณชั้นผิวที่ถูกต้อง 
เพราะการวางฟิลเลอร์ในแต่ละชั้นผิวให้ผลที่แตกต่างกัน ที่สำคัญแพทย์สามารถฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละตำแหน่งบนใบหน้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำตามหลักอนาโตมี่ เพื่อความสวยงามและปลอดภัยค่ะ ข้อ 3 และ ข้อ 2 มักจะมีคู่กันนะคะ




 เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิง เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร


Dip in dermatology, Cardiff University,UK.
Cosmetic dermatology, Mount Sinai Hospital, USA.


แพทย์ผู้บริหาร Doctor Grace Clinic

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร


คำถามนี้เป็นคำถามเบสิคมากๆเลยค่ะที่คนไข้ถามหมอ ลองมาดูคุณสมบัติของสารทั้งสองตัวนี้กันดูค่า

BOTOX



โบท็อกซ์คืออะไร และทำงานอย่างไรบ้าง
-           โบทูลินั่มท็อกซินเป็นสารประกอบจำพวกโปรตีนตามธรรมชาติ ถูกใช้เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอย โดยออกฤทธิ์ชั่วคราว ไม่ถาวร นอกจากนี้มันยังสามารถใช้ในการรักษาโรคทางการแพทย์ เช่น ภาวะเหงื่ออกมากผิดปกติ (hyperhidrosis)ได้อีกด้วยค่ะ  โบท็อกซ์(Botox)เป็นโบทูลินั่มท็อกซินยี่ห้อแรกที่วางขาย และก็เป็นที่รู้จักมากที่สุดในท้องตลาด อีกทั้งยังเป็นยี่ห้อที่ผ่านการทดสอบมากที่สุดอีกด้วยค่ะ

การรักษาด้วยโบท็อกซ์เป็นอย่างไร
-           โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องพักฟื้น อาจมีช้ำบวมได้บ้างเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งไม่มากใช้เมคอัพปกปิดได้ ไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาว คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แม้แต่ขึ้นเครื่องบินหลังทำก็สามารถทำได้ค่ะ

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการรักษานี้
-           สามารถรักษาได้หลากหลายมากค่ะ เริ่มต้นตั้งแต่กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเนียนขึ้น ไปจนถึงขจัดริ้วรอยต่างๆ โบทูลินั่มท็อกซินสามารถถูกฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อเพื่อแก้ไขร่องระหว่างคิ้วที่ลึกปานกลางถึงมากได้ โดยออกฤทธิ์อยู่ได้ชั่วคราว มันยังสามารถถูกฉีดเพื่อลบรอยตีนการะดับปานกลางถึงลึกมากได้อีกด้วย

ใครบ้าง”ไม่”เหมาะกับการรักษานี้
-           คนที่มีภาวะทางการแพทย์ อาทิเช่น เส้นประสาท หรือกล้ามเนื้อถูกทำลายควรได้รับคำแนะนำอย่างใกล้ชิดเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ไม่แนะนำให้ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรฉีดแม้ว่าจะยังไม่มีงานวิจัยว่าการฉีดมีผลต่อแม่หรือเด็กก็ตาม

ผลลัพท์ของการรักษาเป็นอย่างไร
-           การรักษาทำให้เส้นริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าตื้นขึ้น และสามารถปรับแต่งให้ดูเป็นธรรมชาติได้ ผลจะคงอยู่3-6เดือน




FILLERS




ฟิลเลอร์คืออะไร และทำงานอย่างไรบ้าง
-           เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจ้นและอีลาสตินของเราก็จะน้อยลง เพราะเซลล์ไม่สามารถสร้างสารประกอบของความอ่อนเยาว์ได้อีกแล้ว ผิวจะแห้งขึ้น บางขึ้น และฟื้นฟูตัวเองยากขึ้น เมื่อตอนเราเกิด พวกเรามีปริมาณไฮยาลูโรนิค เอซิด(Hyaluronic Acid) หรือ HA มากมายในร่างกาย แต่เมื่อเราแก่ขึ้น HA ที่มีอยู่ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ริ้วรอยจึงเริ่มปรากฏขึ้น ดังนั้น การยกและเติมเต็มผิวด้วยฟิลเลอร์ จึงสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์เราให้ดูสดใสย้อนวัยได้ค่ะ
-           การรักษาริ้วรอยด้วยฟิลเลอร์คือการใช้เข็มฉีดสาร HA เข้าไปในผิว เจ็บเพียงเล็กน้อยเพราะใช้เวลาทำไม่นาน สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ การรักษาริ้วรอยด้วยฟิลเลอร์เห็นผลเร็ว ไม่มีรอยแผลเป็น และรักษาได้ตั้งแต่ริ้วรอยเล็ก  ไปจนถึงหลุมลึก

การรักษาด้วยฟิลเลอร์เป็นอย่างไร
-           การรักษาใช้เวลาประมาณ30-45นาที ผลของมันอยู่ได้นานถึง18เดือน บางเคสอยู่ได้นานถึง24เดือน การรักษาด้วยฟิลเลอร์สามารถสลายได้ การฉีดอาจมีช้ำบวมบ้างเป็นเรื่องปกติ อาการช้ำไม่ได้เป็นนาน และสามารถปกปิดด้วยเมคอัพได้

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการรักษานี้
-           ฟิลเลอร์สามารถใช้รักษาได้หลากหลาย ตั้งแต่ปรับสภาพผิวไปจนถึงลดริ้วรอย ผู้ถูกรักษาที่เหมาะสมคือคนที่ต้องการเพิ่มปริมาตรบนใบหน้า อาทิเช่น ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอ็คทีฟมากๆมักมีใบหน้าแบนตอบมาก เช่น พวกนักวิ่ง เป็นต้น ฟิลเลอร์ยังช่วยกักเก็บคอลลาเจ้นของเรา เนื่องจากมันจะค่อยๆน้อยลงเมื่ออายุได้30ปี ทำให้หน้าใสขึ้น ดูสดใสขึ้นด้วยค่ะ

ใครบ้าง”ไม่”เหมาะกับการรักษานี้
-           เรายังไม่ทราบผลเสียต่อคนท้อง หรือคนให้นมบุตร แต่ยังไงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อนจะดีกว่าค่ะ

ผลลัพท์ของการรักษาเป็นอย่างไร
-           ผลการรักษาอยู่ได้นาน18-24เดือน ฟิลเลอร์จะค่อยๆสลาย ไม่ได้หายวับไปแบบทันที เมื่อไหร่ที่มันเริ่มสลาย เราก็สามารถไปเติมเพิ่มได้ค่ะ

Tips and Tricks  



 เมื่อคนไข้เข้ามาที่คลินิกและแจ้งว่ามีริ้วรอยจุดไหนบ้างที่เค้าไม่ชอบ แพทย์ที่ดี”ไม่ควร”ดูแค่บริเวณที่คนไข้แจ้ง แต่ควรประเมินริ้วรอยบนใบหน้าทั้งหมด และองค์ประกอบหน้าโดยรวมของคนไข้ด้วย เพราะการรักษาเฉพาะจุดที่คนไข้แจ้ง อาจทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่เป็นธรรมชาติได้ค่ะ บางครั้งคนไข้จะบอกว่า มีคนทักว่าเค้าดูเหมือนเศร้า หรือเหนื่อย หรือดูโกรธ เครียด เคสเหล่านี้มักไม่ได้เกิดจากริ้วรอยแค่เพียงจุดเดียว แต่อาจเกิดจากองค์ประกอบหลายอย่าง แพทย์จึงควรให้คำแนะนำทางเลือกต่างๆที่เหมาะสมในการรักษาค่ะ


 เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิง เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร


 Dip in dermatology, Cardiff University,UK.
Cosmetic dermatology, Mount Sinai Hospital, USA.


แพทย์ผู้บริหาร Doctor Grace Clinic